The Mist Netflix มฤตยูหมอกกินมนุษย์ (2007)

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

The Mist Netflix “The Mist” มฤตยูหมอกกินมนุษย์ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของสตีเฟน คิง ที่เล่าเรื่องราวของเมืองเล็กๆ ในรัฐเมนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งติดอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเมือง ขณะที่พวกเขาเริ่มต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ก็เริ่มตระหนักว่า ไม่ใช่แค่หมอกที่ต้องเผชิญกับความน่าสะพรึง แต่ยังมีเรื่องธรรมชาติที่น่ากลัวและรุนแรงภายในจิตใจของมนุษย์รวมมาอยู่ด้วย หนังออกในปี 2007 จะมีพล็อตคล้ายๆ กันก่อนหน้านี้อยู่ เช่น The Fog (1980), The Stand (1994), Night of the Living Dead (1968) เป็นต้น

ส่วนดีของภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นระดับชั้นเซียนเรื่องนึงที่เล่นกับภาวะจิตที่ไม่แน่นอน โดยความตึงเครียดที่อยู่เบื้องหลังที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น เมื่อตัวละครเริ่มรู้สึกสิ้นหวังและหวาดระแวงกันมากขึ้น ส่วนของสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ก็ถือว่ารับได้ และตัวหมอกที่ปกคลุมรู้สึกว่าเป็นพลังที่น่ากลัวและสัมผัสได้ว่ามีอยู่จริง

The Mist Netflix

The Mist Netflix โดยแก่นของเรื่องนั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความมืดในจิตใจที่แฝงตัวอยู่ในตัวเราทุกคน หมอกทำหน้าที่เป็นอุปมาอุปไมยถึงสิ่งที่ไม่รู้จักและความกลัวที่มาพร้อมกับมัน ในขณะที่ผู้คนที่ติดอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวแทนของธรรมชาติของมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ กัน

เมื่อถึงจุดที่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ตัวละครต่างๆ ก็เริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ซึ่งเผยให้เห็นความกลัวและสิ่งที่ลึกในจิตใจที่สุดของพวกเขา เช่น ตัวละคร คุณนายคาร์โมดี้(Mrs.Carmody) เปรียบเสมือนตัวแทนผู้คลั่งไคล้ในศาสนา ถูกครอบงำด้วยความเชื่อและหันไปใช้ความรุนแรงในนามของความชอบธรรม ส่วนอีกตัวละครอย่าง เดวิด เดรย์ตัน( David Drayton) พยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ท่ามกลางความโหดร้ายที่กำลังก่อตัวรุนแรงขึ้นแบบนาทีต่อนาที ก่อนที่นำไปสู่ตอนจบของภาพยนตร์ที่โคตรจะสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ชี้ให้เห็นว่าบางครั้งสัตว์ประหลาดที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่ใช่สัตว์ประหลาดในหมอกร้ายอย่างเดียว แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในตัวมนุษย์เราด้วยเช่นกัน

การตัดสินใจในตอนท้ายของเดวิด?

คิดว่าเรื่องนี้เป็นตอนจบที่โหดร้ายกับผู้ชมเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ เพราะการตัดสินใจของเดวิดทำให้เกิดการโต้แย้งและกระตุ้นทางความคิดอย่างเป็นอย่างมาก เหล่าผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างก็ถกเถียงกันถึงประเด็นนี้ การตัดสินใจทำให้ตอนจบไม่เหมือนหนังฮอลลีวูดทั่วไป ทำให้เกิดคำถามทางจริยธรรมและศีลธรรมตามมามากมาย

ในแง่หนึ่ง ผู้ชมบางคนอาจมองว่าการตัดสินใจของเดวิดเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและขี้ขลาด แต่อีกมุมนึงอาจมองว่าเป็นการเสียสละอย่างกล้าหาญและเสียสละเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับความซับซ้อนตามธรรมชาติในจิตใจในสภาวะแบบนั้นในมนุษย์ บางทีก็เป็นการเลือกที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน หากลองในมุมมองทางศีลธรรม การตัดสินใจของเดวิดก็สามารถมองได้ว่าเป็นการปฏิเสธความรุนแรงและจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความกลัว ที่เค้ามองเห็นในตัวละครคนอื่นๆ นอกจากนี้ ก็ยังสามารถคิดได้ว่าเป็นการแสดงความรักและความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความพยายามที่จะช่วยเหลือให้ผ่านพ้นจากความน่ากลัวของหมอกร้าย แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกดูผิดธรรมชาติของมนุษย์ที่รักตัวกลัวตาย จะยอมสู้จนถึงที่สุด แต่ในหนังนั้นเล่าถึงภาพและทุกคนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้ร่วมกันทั้งหมด โดยไม่มีใครขัดขืน แต่อาจจะยกเว้นลูกชายของเดวิดคนเดียว ที่ไม่มีวุฒิภาวะพอในการเลือกครั้งนี้ได้

การเล่นกับความเชื่อในหนังของ Frank Darabont

Frank Darabont ผู้กำกับเรื่องนี้นั้น มักจะใส่ประเด็นทางความเชื่อของพระเจ้าและศาสนาในภาพยนตร์ของเขาโดยเฉพาะเรื่อง “The Green Mile” และ “The Shawshank Redemption” ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการลงโทษ การไถ่บาป และบทบาทของพระเจ้าที่กระทำต่อชะตากรรมของมนุษย์นั้น พอมาถึงเรื่อง “The Mist” ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

จากภาพยนตร์ของแฟรงค์ที่เอ่ยมา มีความคลุมเครือทางศีลธรรมและตระหนักให้เห็นว่า ชีวิตนั้นบางทีก็ไม่ยุติธรรมและคาดเดาไม่ได้ แม้ว่าภาพยนตร์อาจเสนอความเชื่อในการแทรกแซงหรือการลงโทษจากสวรรค์ แต่พวกตัวเขาเองก็ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสิทธิ์เสรีภาพของมนุษย์ และความสามารถในการเลือกทางเดินด้วยตนเองควบคู่กันไป ดังที่กล่าวไว้ ผู้ชมบางคนอาจคิดว่าหนังของแฟรงค์ ดาราบอนต์เน้นที่เรื่องการลงโทษและการไถ่โทษ และดูเหมือนเป็นการลงโทษจากพระเจ้าแบบหนักมือไปหน่อยก็ตาม แต่หนังของเค้าก็ให้แง่คิดที่เกี่ยวกับชีวิตและความเชื่อในจิตใจมนุษย์เป็นอย่างดีเหมือนกัน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ “The Mist” และ “The Walking Dead”

  • หลังจากที่แฟรงค์ ดาราบอนต์กำกับ The Mist ในปี 2007 เสร็จ เรื่องถัดไปของเค้าก็เป็น ทีวีซีรี่ย์ซอมบี้ชื่อดัง The Walking Dead โดยเค้านั้นเป็นผู้สร้าง (Creator) และกำกับกับพร้อมเขียนบทประเดิมให้ใน S1.E1 “Days Gone Bye” (2010)
  • Laurie Holden(ลอรี โฮลเดน) ผู้รับบทแอนเดรียใน “The Walking Dead” ในเรื่อง “The Mist” เธอรับบท Amanda Dunfrey
  • นักแสดงหลายคนจาก “The Mist” ก็ปรากฏตัวใน “The Walking Dead” ด้วย เช่น Jeffrey DeMunn ในบทลุงเดล(Dale Horvarth), Melissa McBride ในบทป้าแครอลคนเก่ง (Carol Peletier) และ Juan Gabriel Pareja ในบท Morales แม้ใช้ชื่อตัวละครนี้ทั้ง 2 เรื่อง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันและกัน
  • “The Mist” และ “The Walking Dead” ต่างก็มีธีมของการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ขับขัน เช่นเดียวกับจิตใจของมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การกดดัน

สามารถดู The Mist (2007) มฤตยูหมอกกินมนุษย์ ได้ใน NETFLIX นะครับ ซึ่งเรื่องนี้มีซีรี่ย์ของ NETFLIX ในชื่อเดียวกันคือ The Mist (2017) มี 10 ตอน แม้ว่าจะแชร์โครงเรื่องกัน แต่เนื้อเรื่องนั้นต่างกันสิ้นเชิง และซีรี่ย์นี้ทำไปได้แค่ซีซันเดียวก็ไม่ได้ทำต่อแล้ว คำวิจารณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก The Mist Netflix

บทความที่น่าสนใจ